ด้วยความที่การตลาดในสมัยนี้มีช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น มีการอัปเดทตลอดเวลา และมีเทคนิคมากมายที่เราไม่รู้ ก็อาจทำให้ในหลายๆ ธุรกิจที่ไม่มีประสบการณ์และเวลาในการบริหารงานส่วนนี้ตกที่นั่งลำบากได้ การจ้างทำการตลาดจึงเป็นทางเลือกที่สะดวกสบาย และให้ผลลัพธ์แก่ธุรกิจได้ดีที่สุดนั่นเอง แต่ก่อนที่จะเริ่มจ้างทำการตลาด เรามีข้อควรรู้และวิธีเตรียมตัวก่อนที่จะให้เอเจนซี่โฆษณาเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจของคุณมาฝากค่ะ

รู้จุดประสงค์ในการจ้างทำการตลาดของตัวเอง

เริ่มจากการตั้งจุดประสงค์ของตัวเองผ่านการรับรู้ 3 ขั้นใหญ่ๆ คือ

  • Awareness (การตระหนักรู้ถึงแบรนด์ของเรา)
  • Consideration (การตัดสินใจซื้อ)
  • Purchase (การตกลงซื้อ)

ซึ่งเนื้อหาและช่องทางที่ใช้ในการโปรโมทในแต่ละขั้นก็จะไม่เหมือนกัน เราจึงควรตกลงกับตัวเองให้ชัดเจนก่อน ถึงจะเข้าไปคุยกับเอเจนซี่ว่าจุดประสงค์ที่เราต้องการจ้างทำการตลาดในครั้งนี้อยู่ที่ขั้นไหนและสื่อสารด้วยเนื้อหาแบบใด

KPI ที่ต้องการ

KPI หรือ Key Performance Indicator คือตัวเลขที่จะชี้วัดว่าแคมเปญที่เราทำต้องได้เท่าไหนถึงจะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งไว้ เช่น จำนวนยอดฟอลที่เพิ่มขึ้น, ยอดแชร์, ยอดคนเข้าเว็บไซต์ เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าต้องทำการโปรโมตที่ช่องทางไหนจึงจะคุ้มค่ากับงบที่มีที่สุดนั่นเอง

รู้ว่าลูกค้าของตัวเองเป็นใคร

สินค้าและบริการแต่ละชนิดย่อมมีลูกค้าที่แตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องของอายุ เพศ อาชีพ พฤติกรรมต่างๆ ไปจนถึงช่องทางที่ลูกค้าของตัวเองนิยมใช้งาน เพราะเมื่อเรารู้เรื่องนี้แล้ว ก็จะสามารถจ้างทำการตลาดกับเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญในช่องทางนั้นๆ และเลือกลงทุนในช่องทางที่คุ้มค่าที่สุดได้

ตั้งงบไว้เท่าไร

งบประมาณควรสอดคล้องกับ KPI ที่ต้องการ โดยนำการคำนวณจากการทำการตลาดในครั้งก่อนๆ มาวัด เพื่อให้ทั้งคุณและเอเจนซี่พอเห็นภาพคร่าวๆ

Brand Guideline และสื่อที่ตัวเองมี

Brand Guideline ก็เหมือนการสื่อสารของแบรนด์ เช่น โลโก้, ฟอนต์ที่ใช้, คาแรคเตอร์แบรนด์, ประวัติความเป็นมาของแบรนด์ เป็นต้น ส่วนสื่อที่ว่านี้ก็คือภาพถ่ายสินค้า คลิปวิดีโอ บทสัมภาษณ์ ฯลฯ ที่เรามีอยู่แล้ว เพื่อที่จะได้ลดค่าใช้จ่ายกับสื่อที่ไม่จำเป็นต้องผลิตขึ้นมาเพิ่ม ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ทางเอเจนซี่สามารถนำมาวางแผนและทำงานได้เร็วขึ้นด้วย

การคัดเลือกเอเจนซี่

อาจจะเริ่มจากการดูที่ชื่อเสียง ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของเอเจนซี่นั้นๆ ก่อน ต่อมาก็ดูที่รูปแบบการชำระเงินของแต่ละเอเจนซี่ ว่าต้องชำระค่าโฆษณาออนไลน์อย่างไร เพราะในบางเอเจนซี่ก็มีกรณีที่ต้องใช้บัตรเครดิตของเรา ซึ่งจะมีความเสี่ยงในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล และการตัดเงินเกินได้

แต่ถ้าหากเอเจนซี่ไหนใช้บัตรเครดิตของตัวเองก็ถือว่ามีความปลอดภัยกับตัวเราแล้วในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ถ้ามียอดชำระหลักหมื่นขึ้นไปก็ยังสามารถทำเรื่องให้เป็นนิติบุคคลเพื่อนำไปหักค่าใช้จ่ายของบริษัทเมื่อต้องเสียภาษีได้อีกด้วย และสุดท้าย อย่าลืมเลือกเอเจนซี่ที่มีการทำรีพอร์ตให้กับเราด้วยนะคะ เพราะเราจะได้มีผลงานที่จับต้องและติดตามผลได้

และทั้งหมดนี้ก็คือข้อควรรู้ก่อนที่จะเริ่มจ้างทำการตลาดจากเอเจนซี่ค่ะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเตรียมความพร้อมก่อนตัดสินใจลงทุนทำการตลาดได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

แต่ถ้าคุณกำลังมองหาเอเจนซี่โฆษณาดีๆ ที่จะจ้างทำการตลาดทางด้านนี้ให้กับคุณ บอกเลยว่า POPtimize ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่พร้อมจะทำการตลาดในทุกๆ แพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ และผลลัพธ์ตามที่คุณต้องการได้เช่นกันค่ะ

5 สิ่งที่ต้องเช็ก ก่อนทำโฆษณาออนไลน์

5 สิ่งที่ต้องเช็ก ก่อนทำโฆษณาออนไลน์

ก่อนลงมือทำโฆษณาออนไลน์ หลายคนอาจเกิดคำถามต่างๆ ขึ้นมาในหัวว่า เราจะมั่นใจได้อย่างไร ถ้าเสียเงินทำโฆษณา ออนไลน์ไปแล้วเงินที่เสียไปจะไม่สูญเปล่า?

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า การลงโฆษณา ออนไลน์ จะไม่ได้ทำให้ธุรกิจของคุณดีขึ้นได้ในทันที แต่การเริ่มต้นเตรียมตัว ศึกษา และทำความเข้าใจกับสิ่งที่ต้องรู้ในหลายๆ เรื่องก่อนเริ่มทำโฆษณา ออนไลน์ ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่ทุกธุรกิจควรทำความเข้าใจเอาไว้ ซึ่งเราได้รวมเป็น 5 สิ่งที่ต้องเช็ก ก่อนทำโฆษณาออนไลน์ ดังนี้

  • รู้ว่าโฆษณา ออนไลน์มีอะไรบ้าง

โฆษณา ออนไลน์ มีให้เราเลือกทำหลายช่องทางมาก ซึ่งในแต่ละช่องทางก็จะมีจุดเด่นจุดด้อย รวมไปถึงลักษณะของผู้ใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น

Google Ads จะมีรูปแบบที่นิยมใช้อยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ Google Display Network เป็นการลงโฆษณา ออนไลน์ในรูปแบบ Banner Ads สำหรับขึ้นตามหน้าเว็บไซต์ต่างๆ และยังสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการให้โฆษณาขึ้นแสดงได้ด้วย, Search Engine Marketing เป็นการลงโฆษณา ออนไลน์ในรูปแบบของเว็บไซต์ที่จะถูกแสดงอยู่ในอันดับต้นๆ ของหน้าค้นหาบน Google

ลงโฆษณาออนไลน์รูปแบบ Search Engine Marketing

Facebook Ads เป็นรูปแบบโฆษณาที่เราทุกคนน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะใช้งานง่ายและยังสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีอีกด้วย

นอกจาก 2 ช่องทางหลักๆ ยอดนิยมที่เหล่านักการตลาดมักเลือกใช้ทำโฆษณา ออนไลน์แล้ว ยังมีช่องทางอื่นๆ อย่าง Email Marketing, Youtube และ Linkedin ด้วย เป็นต้น

  • เข้าใจถึงความสำคัญของคีย์เวิร์ด

ความสำคัญและหลักการทำงานของคีย์เวิร์ด มีผลอย่างมากกับการทำโฆษณา ออนไลน์ โดยเฉพาะในรูปแบบ Search Marketing เพราะคีย์เวิร์ดถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้โฆษณาของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ คุณจึงต้องหมั่นศึกษาและค้นหาคีย์เวิร์ดใหม่ๆ อยู่เสมอ ด้วยเครื่องมือ Google Trend เพื่อดูว่าเทรนด์ไหนกำลังมา คีย์เวิร์ดไหนกำลังอยู่ในกระแส หรือใช้ Google Keyword Research เพื่อดูว่าคีย์เวิร์ดแต่ละคำมีจำนวนถูกค้นหาและมีการแข่งขันสูงแค่ไหน

  • มี Landing Page รองรับ

Landing Page เป็นเว็บไซต์สำหรับรองรับลูกค้าที่คลิกเข้ามาจากโฆษณา และต้องมีหน้าตาที่แตกต่างจาก Homepage เนื่องจากลูกค้าจะมีความคาดหวังว่าหากคลิกเข้ามาแล้วจะต้องเจอกับสิ่งที่อยู่ในสื่อโฆษณา และการทำ Landing Page ให้มีความเฉพาะก็จะช่วยให้เราสามารถเก็บข้อมูล แยกข้อมูล และนำมาวิเคราะห์ได้ง่ายกว่าการใช้ Homepage แบบรวมๆ

  • มีระบบการวัดผลและติดตามผล

การวัดผลโฆษณา ออนไลน์ เราสามารถดูได้ตั้งแต่สถิติพื้นฐาน รวมไปถึงการใช้เครื่องมือเข้ามาช่วย และยิ่งถ้าเป็นธุรกิจที่มีเว็บไซต์ เครื่องมือที่จะช่วยให้เราวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บและผลลัพธ์การลงโฆษณา ออนไลน์ได้ดีก็คือ Google Analytic เพราะเมื่อติดตั้งเครื่องมือเข้าไปแล้ว ก็จะสามารถติดตามได้ว่าลูกค้าที่เข้ามาในเว็บไซต์ ตามเข้ามาจากโฆษณาตัวไหน และยังสามารถดูสถิติต่างๆ เพื่อนำไปวิเคราะห์ และวางแผนสำหรับการลงโฆษณา ออนไลน์ในครัั้งต่อๆ ไปได้ด้วย สเต็ปต่อมาคือการทำความเข้าใจกับ KPI เพื่อดูการวัดผลของการลงโฆษณา ออนไลน์ต่างๆ ดังนี้

Impression (จำนวนที่โฆษณาถูกแสดง)

Reach (จำนวนที่โฆษณาถูกเห็นตามจำนวนคน)

Clicks (จำนวนที่โฆษณาถูกคลิก)

CTR (อัตราการคลิกต่อจำนวนการแสดงผลโฆษณา)

Conversion Rate (อัตราการกระทำบางอย่างของเป้าหมายตามที่เราตั้งไว้ต่อจำนวนคลิก)

Cost Per Acquistion (ต้นทุนที่ใช้ต่อการได้ลูกค้า)

googleanalyticsthailand

  • วางแผนงบประมาณอย่างรัดกุม

การวางแผนโฆษณา ออนไลน์อย่างรัดกุม จะช่วยลดปัญหาต้นทุนที่อาจควบคุมไม่ได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเสียเงินโฆษณาอย่างสูญเปล่าไปได้อีกด้วย

ถ้าหากเรามีการเตรียมตัว เตรียมความพร้อม และศึกษาทุกอย่างตามหัวข้อทั้ง 5 ในบทความข้างต้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจไหนก็สามารถลงมือทำโฆษณา ออนไลน์ได้โดยไม่ต้องกังวลเลยค่ะ