ความสำคัญของการทำ Content คือ การมีความคิดสร้างสรรค์ในการสื่อสารคอนเทนต์เพื่อเป้าหมายทางการตลาด ทั้งการสร้าง Brand Awareness การเพิ่มยอดขาย และเป้าหมายทางการตลาดอื่นๆ ซึ่งในยุค Marketing 5.0 การมีเพียงความคิดสร้างสรรค์อย่างเดียวอาจไม่พอ เราจึงต้องพึ่งเครื่องมือต่างๆ เพื่อนำมาช่วยในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพ และตรงกลุ่มเป้าหมายได้มากย่งขึ้นจาก 4 เครื่องมือที่เราได้รวบรวมมาให้ ดังนี้

1. Google Trend

เป็นเครื่องมือที่ทำให้เราสามารถทราบถึงความสนใจของผู้คนได้ ซึ่งเครื่องมือนี้จะแสดงผลออกมาในรูปแบบ Search Term หรือประโยคที่คนมักเลือกใช้ในการค้นหา โดยจะแสดงสถิติผ่านบน Google Search Engine ดังนั้น Google Trend จึงทำให้เราสามารถทราบได้ว่าผู้คนกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอะไร และใช้คีย์เวิร์ดอะไรในการค้นหาข้อมูล

การเริ่มต้นการใช้งาน Google Trend สามารถเข้าไปที่เว็ปไซต์ Google Trend และสามารถค้นหาคีย์เวิร์ดหรือประโยคที่อยากทราบว่ากำลังได้รับความสนใจอยู่หรือไม่ ซึ่งหลังจากที่เราค้นหาคำที่ต้องการได้แล้ว เราจะสามารถตั้งค่าผลของการค้นหาให้ตรงกับความต้องการของเราได้ดังนี้

  • เลือกสถานที่ในการค้นหา
  • เลือกช่วงเวลาในการค้นหา
  • เลือกประเภทข้อมูลในการค้นหา
  • เลือกรูปแบบในการค้นหา

 

2. Google Keyword Planner

เป็นเครื่องมือที่ทำให้เราสามารถค้นหาจำนวน Search Volume หรือจำนวนการค้นหา โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างขึ้นเพื่อวางแผนทำโฆษณาบน Google Ads ซึ่ง Google Keyword Planner จะมี 2 เครื่องมือหลักให้เราเลือกใช้ คือ

  • Discover New Keyword : เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถค้นหาคีย์เวิร์ด์หรือคำอื่นๆ ที่น่าสนใจ โดยจะแสดงผลออกมาใน 5 รูปแบบ คือ

– คีย์เวิร์ด หรือคำอื่นๆ ที่น่าสนใจ

– ค่าเฉลี่ยที่มีการค้นหาคำดังกล่าวในระยะเวลา 1 เดือน

– การแข่งขันของตำแหน่งโฆษณาสำหรับคีย์เวิร์ด

– Ad Impression Share เป็นข้อมูลที่ระบุโอกาสที่คีย์เวิร์ดเหล่านั้นจะได้รับการแสดงผลและถูกคลิก

– ราคาเสนอสูงสุด – ราคาเสนอต่ำสุดที่ผู้ลงโฆษณาเคยจ่าย

  • Get Search Volume And  Forecast : เครื่องมือนี้เป็นการหาจำนวนการค้นหาคีย์เวิร์ดเหล่านั้น และแนวโน้มการค้นหา เหมาะสำหรับคนที่มีคีย์เวิร์ดอยู่แล้ว โดยมีข้อแตกต่างคือ Get Search Volume And Forecast จะบอกข้อมูลแค่เพียงคีย์เวิร์ดที่เราใส่ลงไปเท่านั้น จึงเหมาะกับคนที่มีคีย์เวิร์ดอยู่แล้ว แต่ต้องการเปรียบเทียบว่าควรเลือกใช้คีย์เวิร์ดใดมากกว่านั่นเอง

 

3. Google Analytics

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ จากการนำข้อมูลเชิงลึกทางสถิติของผู้ที่เข้ามาดูเว็บไซต์ ในการนำมาวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนา Content ของเราได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งข้อมูลที่จะได้รับจาก Google Analytics คือ

  • ข้อมูลเชิงประชากรศาสตร์ (Demographic) เช่น อายุ เพศ อาชีพ ภาษา ที่อยู่อาศัย
  • ข้อมูลเชิงพฤติกรรม (Behavior) เช่น อุปกรณ์ที่ใช้เมื่อเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ และสามารถวัดผล Traffic บนหน้าเว็บไซต์ เป็นต้น

 

4. Social Listening Tools

เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้นักการตลาดสามารถเจาะหาข้อมูลหรือประเด็นต่างๆ ที่มีการพูดถึงบนโลกออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เครื่องมือ Mandala ที่มีฟีเจอร์ Word Cloud และ Hashtag Cloud ที่แสดงให้เห็นว่ามีคำหรือ Hashtag ใดที่กำลังเป็นประเด็นหรือกำลังถูกพูดถึงอยู่ ก็จะทำให้เราสามารถนำไปสร้างสรรค์ Content ใหม่ๆ ให้ตรงใจผู้บริโภคของเราได้มากยิ่งขึ้น

การสร้าง Content เพื่อไม่ให้เกิดความจำเจในปัจจุบัน จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือในการทำ Content มากขึ้น เพราะเครื่องมือทั้งหลายที่กล่าวมานี้ จะช่วยให้นักการตลาดสามารถทำความเข้าใจได้ทั้งกลุ่มลูกค้า ประเด็นที่กำลังเป็นที่พูดถึง รวมไปถึงช่องทางและแนวทางต่างๆ ในการพัฒนา Content ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้งานของแต่ละเครื่องมือก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของสินค้าและบริการนั้นๆ ว่าต้องใช้เครื่องมือรูปแบบใดในการนำข้อมูลมาต่อยอดเพื่อพัฒนา Content นั่นเอง

 

บริการ content facebook จาก data