หากคุณเป็นหนึ่งในนักโฆษณาหรือผู้ดูแลเพจแล้วต้องการเช็คความเคลื่อนไหวของเพจคู่แข่งว่าเขาทำการโปรโมทเพจแบบไหน เขียนอะไรลงไปบ้าง ลองมาดูประโยชน์จากฟีเจอร์ตัวนี้ที่ Facebook สร้างเอาไว้ให้เราใช้กัน และอยากรู้วิธีทำ Remarketing Facebook Pixel เรารวมไว้ให้แล้วในบทความนี้

วิธีเช็คการโปรโมทเพจของคู่แข่ง

“Page Transparency หรือความโปร่งใสของเพจ” เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นและโฆษณาของ Facebook Page ไว้แทบทุกเพจ ทำให้เราสามารถเห็นว่าคู่แข่งทำการโปรโมทเพจ อย่างไร มีโปรโมชั่นอะไร หรือตอนนี้กำลังรันโฆษณาอยู่กี่ตัว เป็นต้น ซึ่งวิธีดูโฆษณาของเพจคู่แข่งก็ไม่ยากเลย แค่ 2 ขั้นตอนก็สามารถดูข้อมูลได้แล้ว

  • เข้าไปที่ Facebook Page ที่ต้องการ
  • หากล่องเมนู “Page Transparency หรือความโปร่งใสของเพจ” แล้วกดเข้าไปดูข้อมูลได้เลย ส่วนบนมือถือพอเลื่อนลงมาก็จะเจอกล่องเมนูแบบเดียวกัน 

ซึ่งประโยชน์ของฟีเจอร์ Page Transparency หรือความโปร่งใสของเพจก็มีดังนี้

  • ใช้ดูข้อมูลเพจ ข้อมูลที่แสดงตรงส่วนนี้มีตั้งแต่เพจสร้างเมื่อไร เปลี่ยนชื่อมาแล้วกี่ครั้ง และมีคนจัดการเพจกี่คน เป็นต้น
  • ใช้ดูโฆษณาที่กำลังทำงานอยู่ของแต่ละเพจ ซึ่งใช้ดูได้ทั้งทาง Facebook และ Instagram นอกจากนี้ยังสามารถเลือกดูโฆษณาเป็นรายประเทศได้อีกด้วย

จะเห็นได้ว่า Facebook ให้ความสำคัญกับการทำโฆษณามากขึ้นเรื่อยๆ  ซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อผู้ดูแลเพจมาก เพราะเราสามารถใช้ฟีเจอร์นี้สำรวจการโปรโมทเพจ และหาแรงบันดาลใจจากเพจคู่แข่งได้ หรืออาจใช้ศึกษารูปแบบการลงโฆษณาจากเพจที่มีสินค้าคล้ายกัน แล้วนำมาต่อยอดกับการโปรโมทเพจ ของตัวเองได้อีกด้วย

วิธี Remarketing Facebook Pixel

วันนี้เรามีอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ไม่ลับของ Facebook ที่หลายคนรู้จักแต่อาจจะยังใช้งานไม่เป็นอย่าง Facebook Pixel สำหรับเอาไว้ทำ Remarketing กับลูกค้าที่เข้ามายังหน้าเว็บไซต์กันค่ะ

Facebook Pixel คือ โค้ดจำนวนสั้นๆ ที่เราสามารถเอาไปติดไว้บนเว็บไซต์เพื่อทำให้ Facebook รู้จักและคุ้นเคยกับกลุ่มคนที่เข้ามายังเว็บไซต์ของเรา เพราะเมื่อ Facebook ได้รู้จักกับกลุ่มคนเหล่านั้นแล้ว เวลาที่เราไปซื้อ Ad โฆษณา Facebook ก็จะทำการ Remarketing หรือนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากเว็บไซต์มาบอกเราว่าควรยิง Ad โฆษณาโดยเจาะจงไปที่ใครนั่นเอง ทีนี้ลองมาดูวิธีการติด Facebook Pixel บนเว็บไซต์กันค่ะ

  • สร้าง Facebook Custom Audience โดยเข้าไปที่ Facebook Business แล้วเลือก Audience จากนั้นกด Create Audience เลือก Custom Audience และเลือก Website Traffic นอกจากนี้ยังสามารถเลือกได้ด้วยว่าตอนที่เราจะสร้าง Create Audience เราจะเลือกคนกลุ่มไหน อย่างคนที่เข้าเว็บไซต์ของเรา, คนที่เข้าเว็บไซต์ของเราแค่บางหน้า, คนที่เข้าเว็บไซต์ของเราแค่บางหน้า และไม่ได้เข้าหน้าอื่นๆ หรือคนที่ไม่ได้เข้าเว็บไซต์ของเราเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทั้งนี้ อาจทำการผสมวิธีทั้ง 4 แบบโดยการเลือก Custom Combination ได้ด้วย

และยังกำหนดอายุของ Custom Audience ได้มากสุดถึง 180 วัน ซึ่งหมายความว่า คนที่ไม่ได้เข้าเว็บไซต์

ของเราเกิน 180 วัน ก็จะไม่สามารถใส่คนๆ นั้นลงไปใน Custom Audience ได้ และเราก็จะยังใช้ Audience ชุด

นี้ไม่ได้จนกว่าจะติดตั้ง Facebook Pixel บนเว็บไซต์จนเริ่มมีคนเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา

  • ติดตั้ง Facebook Pixel บนเว็บไซต์ โดยเข้าไปที่ Facebook Business กดปุ่มซ้ายบนแล้วเลือก Event Managers กด Data Source เพื่อครีเอทในหน้านั้น เมืื่อครีเอท Pixel มาแล้วเราก็จะได้โค้ดมา 1 ชุด จากนั้นนำโค้ดที่ได้มาติดระหว่าง <head> และ </head> ในหน้าที่คุณต้องการจะ Track

หลังจากติดโค้ดลงบนเว็บไซต์แล้ว ก็ต้องรอให้คนเข้าเว็บไซต์มาในระดับหนึ่งก่อน (ประมาณหลักร้อย) 

จึงจะสามารถใช้งาน Audience ชุดที่สร้างไว้เพื่อทำ Remarketing ได้

  • สร้าง Remarketing Ad บน Facebook โดยเข้าไปที่ Facebook Business เลือก Ads Manager กด Create Ads หรือ Create Campaign แล้วเลือกจุดประสงค์พร้อมทั้งตั้งชื่อแคมเปญ เมื่อมาถึงหัวข้อ Custom Audiences ให้คลิกที่ช่อง Add Custom Audiences or Lookalike Audiences แล้วเลือก Custom Audience ของเรา

จากนั้นก็สามารถซื้อ Ad โฆษณาได้ตามปกติ เพียงแต่คราวนี้ Ad โฆษณาของเราจะมีความเฉพาะเจาะจงที่มากกว่าเดิม เพราะในตอนนี้ เรากำลังยิง Ad​ โฆษณาไปยังคนที่เคยเข้าเว็บไซต์ของเรา ผลที่ได้ก็คือราคาที่ถูกลง พร้อมกับ Conversion ที่สูงกว่าเดิม จากผลของการทำ Remarketing นั่นเอง

Facebook Custom Audience สามารถเอาไปทำ Remarketing ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารกับคนที่เคยเข้าเว็บของเรา, การขยายฐานลูกค้า, การตามลูกค้ากลับมาซื้อของ หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลของคนที่เข้ามาในเว็บไซต์แต่ไม่ซื้อเพราะสินค้าไม่ตรงกับความต้องการ แต่เมื่อถึงเวลาที่เรามีโปรโมชันหรือสินค้าใหม่ออกมา เราก็สามารถซื้อ Ad โฆษณา เพื่อทำการ Remarketing ให้คนเหล่านั้นกลับมาดูเว็บไซต์ของเราได้ด้วยเช่นกัน