ทุกครั้งที่ทำการ ยิงแอดเฟสบุ๊ค ไปย่อมเกิดความคาดหวังต่อผลกำไรที่จะตามมาเสมอ แต่ก็มีหลายคนที่เจอปัญหาเกี่ยวกับการ ยิงแอดเฟสบุ๊ค ไปแล้วเกิดขาดทุน ไม่ได้กำไร และไม่มีคนทักกลับมา เราจึงนำข้อผิดพลาดที่คนส่วนใหญ่มักเผลอทำผิดจนนำไปสู่การขาดทุนมาให้ทุกคนลองเช็คกันดูค่ะ

ไม่ทดสอบกลุ่มเป้าหมาย

ควรใช้เครื่องมือของเฟสบุ๊คเพื่อเช็คดูกลุ่มเป้าหมายก่อนทำการ ยิงแอดเฟสบุ๊ค ทุกครั้ง ซึ่งเครื่องมือที่นิยมใช้ ได้แก่ Audience Insight และ Precise Maganetic

ไม่ทดสอบคอนเทนต์ก่อนยิงแอดเฟสบุ๊ค

วิธีทดสอบความนิยมในคอนเทนต์ที่ง่ายที่สุดก็คือ การทำโพสต์ขึ้นมาหลายๆ แบบ แล้วสังเกตดูว่า Post ไหนที่มีการเข้าถึงเยอะ มีการกดไลค์กดแชร์ Facebook แล้วจึงค่อยนำ Post นั้นมา ยิงแอดเฟสบุ๊ค

ยิงแอดเฟสบุ๊ค ด้วยคอนเทนต์เดิมๆ

บางครั้งการใช้คอนเทนต์เดิมๆ โฆษณาเดิมๆ ที่เคย ยิงแอดเฟสบุ๊ค ไปจนได้ผลวนไปวนมาบ่อยๆ ก็อาจสร้างความเบื่อหน่ายให้กับลูกค้าได้เช่นกัน การปรับปรุงเนื้อหาใหม่ๆ อาจทำให้เราเจอผลลัพธ์ใหม่ๆ หรือกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างออกไปได้

ยิงแอดเฟสบุ๊ค ไปแล้วได้รับฟีดแบคแย่ๆ

โฆษณาที่โดนผู้ใช้งานกด Hide เยอะๆ เฟสบุ๊คจะลดการเข้าถึงทันที ซึ่งวิธีที่จะตรวจสอบโฆษณาว่าได้รับผลกระทบนี้หรือไม่ ให้เข้าไปดูโดยการเพิ่มคอลัมน์ในรายงาน แล้วเลือก Negative Feedback

ไม่รอโฆษณาประมวลผล

บางคนมีความใจร้อน กดยิงแอดเฟสบุ๊คไปแล้วเห็นว่าไม่มีลูกค้าทักมาสอบถามก็ทำการปิดโฆษณาทิ้งไป ทั้งที่ความจริงตัวโฆษณาเองยังประมวลผลได้ไม่เต็มที่เลย ทางที่ดีจึงควรปล่อยให้โฆษณาได้ทำงานอย่างเต็มที่ก่อนอย่างน้อย 7 วัน

ไม่เช็คผลลัพธ์

ควรตรวจดู Report ทุกครั้งหลังทำโฆษณาเสร็จ เพื่อที่จะได้รู้ว่าโฆษณาที่ยิงไป ตัวไหนทำงานดีกับกลุ่มเป้าหมายไหนบ้าง เพราะถ้าตัวไหนไม่ดีก็จะได้นำมาปรับปรุงให้ดีกว่าเดิมได้

จากที่กล่าวมาทั้งหมด อยากให้ทุกคนลองเช็คกันดูนะคะว่าได้ทำตรงส่วนไหนผิดพลาดหรือตกหล่นไปบ้างหรือเปล่า อ่านไว้เตือนใจตัวเองแล้วนำไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้การ ยิงแอดเฟสบุ๊ค ในครั้งต่อไปของคุณมีผลตอบรับที่ดีขึ้นนะคะ

ช่วงเวลาไหนเหมาะโปรโมทสินค้า

ในทุกๆ ครั้งของการทำการตลาด เรามักต้องมีการวางแผนเกิดขึ้นก่อนเสมอ เพราะหากไม่มีการวางแผนโอกาสเสี่ยงที่จะเสียเงินไปฟรีๆ ก็มีมาก และยิ่งถ้าอยากโปรโมทสินค้าให้ได้ผลดี มีคนติดตามซื้อมากขึ้น จังหวะและช่วงเวลาในการโปรโมทสินค้าก็ถือเป็นอีกเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเช่นกัน งั้นเราลองมาดูกันเลยดีกว่าว่าควรต้องวางแผนอย่างไรบ้าง

จังหวะที่เหมาะสมจะนำมาสู่ Traffic ที่ดี

อันดับแรกต้องเลือกจังหวะที่เหมาะสมขึ้นมาก่อน ถ้าหากต้องการกระตุ้นให้คนซื้อสินค้าเยอะๆ โปรโมททีเดียวแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีไปเลยก็ควรเลือกโปรโมทสินค้าในช่วงเทศกาลสำคัญหรือช่วงเงินเดือนออก แต่ถ้าอยากทำแคมเปญใหญ่ๆ กระแสแรงๆ ก็ควรเลือกโปรโมทสินค้าในตอนที่ผู้คนมีความต้องการที่จะจับจ่ายใช้สอยอย่างช่วงโบนัสออกในเดือนมิถุนายน หรือช่วงปลายปีอย่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เป็นต้น

เวลาโปรโมทสินค้าของแต่ละแบรนด์ไม่เหมือนกัน

เราอาจจะเคยเห็นโพสต์สรุปสถิติของช่วงเวลาที่เหมาะสมในการโปรโมทสินค้ากันมามากมายหลายสำนัก แต่ก็ใช่ว่าทุกแบรนด์จะต้องยึดตามสถิติเหล่านั้นกันหมด เพราะยิ่งสินค้าของแต่ละแบรนด์มีความต่างกัน พฤติกรรมของลูกค้าก็จะยิ่งต่างกันตามไปด้วย ดังนั้นการเช็คเวลาจากระบบหลังบ้านของตัวเองแล้วนำมาวางแผนโปรโมทสินค้าจึงน่าจะได้ผลมากกว่า

โปรโมทสินค้าให้ถูกแพลตฟอร์ม+เวลา = ลดความเสี่ยงเสียเงินฟรี

การตั้งเวลาโปรโมทสินค้าในแต่ละช่องทางให้เป็นเวลาเดียวกันหมดก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าไปเลยก็ได้ เพราะในแต่ละแพลตฟอร์มต่างก็มีความนิยมในการใช้งานที่ต่างกันออกไป ซึ่งก็ต้องลองเช็คระบบหลังบ้านในแต่ละช่องทางของตัวเองเอาไว้ด้วย เพราะการโปรโมทสินค้าให้ถูกช่วงเวลาตามแต่ละแพลตฟอร์มจะช่วยลดความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่ากับเงินไปได้เยอะ

คนเรามักจะละเลยรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเวลากันอยู่เสมอ บางทีทำโพสต์ทำทุกอย่างออกมาดีหมดแล้วแต่ดันเลือกเวลาในการโปรโมทสินค้าผิด แล้วยังตั้งเวลาโปรโมทสินค้าพร้อมกันทุกแพลตฟอร์มอีก แบบนี้ก็จะทำให้การโปรโมทของเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ไม่เต็มที่ และเมื่อโฆษณาไม่ได้ประสิทธิภาพโอกาสสร้างรายได้จากการขายก็จะยิ่งลดน้อยลง