เมื่อฐานผู้ใช้งานขยายใหญ่ขึ้น TikTok จึงได้พัฒนาตัวเองจากแอปพลิเคชันเพื่อความบันเทิงธรรมดา ให้กลายมาเป็น Marketing Platform และ Commerce Platform ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งจุดเด่นของแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง TikTok ก็คือความง่าย สั้น กระชับ ไม่ซับซ้อน และไม่ต้องกังวลเรื่องลิขสิทธิ์เพลงหรือซาวน์เอฟเฟกต์ต่างๆ สิ่งเหล่านี้จึงตอบโจทย์กลุ่มวัยรุ่นหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้อย่างตรงจุด ทำให้ TikTok กลายมาเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลัง และเหมาะกับแบรนด์ที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นวัยรุ่นในยุคนี้มาก

ซึ่งกลุ่มผู้ใช้งานหลักๆ ของ TikTok จะอยู่ในช่วงอายุต่ำกว่า 17 ปีไปจนถึงกลุ่มวัยทำงาน (ช่วงอายุประมาณ 13-34 ปี) และคอนเทนต์หลักๆ ที่ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ให้ความสนใจก็จะเป็นลักษณะที่ทำให้เกิดการโต้ตอบระหว่างแบรนด์กับผู้ใช้งาน ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับความบันเทิง อาหาร การเต้น ความงาม และแฟชั่น เป็นต้น

และถึงแม้ว่ารูปแบบการทำโฆษณาผ่าน TikTok จะมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน แต่ก็มีอยู่รูปแบบหนึ่งที่ทำให้การสร้าง Engagement ได้รับความนิยมจากฝั่งแบรนด์และผู้ใช้งาน TikTok มากที่สุดก็คือ รูปแบบ Challenge Campaign หรือ Hashtag Challenge นั่นเอง ซึ่งนักการตลาดดิจิทัลส่วนใหญ่นิยมนำมาใช้เมื่อมีจุดประสงค์ที่ต้องการสื่อสารและสร้างปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังสามารถสร้างกระแสไวรัลแบบออแกนิคได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดยมีแนวทางการสร้าง Challenge Campaign หรือ Hashtag Challenge ให้ประสบความสำเร็จผ่านองค์ประกอบที่สำคัญ คือ

  1. ต้องมีความสนุกและเล่นตามได้ง่าย
  2. ต้องไม่เหมือนใคร และใช้เงื่อนไขหรือรายละเอียดที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนจนเกินไป
  3. ต้องมีความ Real (ไม่ต้องตัดต่อให้เนียนเป๊ะมาก)
  4. ต้องใช้เพลงโดนๆ ฟังแล้วติดหู

สรุปแล้ว การทำโฆษณาทาง TikTok จึงเหมาะกับทุกธุรกิจที่มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่นหรือกลุ่มคนรุ่นใหม่นั่นเอง ส่วนรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ก็ต้องถูกออกแบบให้ Customize ไปตามเอกลักษณ์ของแต่ละแพลตฟอร์ม อีกทั้งยังต้องวิเคราะห์ความเข้ากันในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์เป็นหลักด้วย

ซึ่งเจ้าของแบรนด์หรือเจ้าของธุรกิจก็อาจเลือกปรึกษากับเอเจนซี่โฆษณาเพื่อวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ และสร้างสรรค์โฆษณาให้ออกมาอย่างเหมาะสมที่สุดแทนก็ได้

 

ธุรกิจประเภทใดนิยมโปรโมทผ่านทาง TikTok