การโปรโมทโพส แบบข้อความถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุประสงค์ยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้กันตั้งแต่ตอนเปิดตัวใหม่ๆ เพราะสามารถให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดี แต่หลังจากที่ Facebook ได้มีการปรับประสิทธิภาพโฆษณาไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม สถานการณ์โฆษณาก็มีแต่ความเงียบ เราจึงรวบรวม 3 เหตุผลที่ไม่ควรลงโฆษณาโปรโมทโพส แบบข้อความในช่วงที่ Facebook มีการทำงานผิดปกติ พร้อมทางแก้ในการยิงโฆษณาในสถานการณ์แบบนี้กันค่ะ

  1. สังเกตที่ค่าอิมเพรสชัน และยอดการเข้าถึงจะพบว่าประสิทธิภาพถูกลดลงกว่าเดิมเยอะมาก ในขณะที่ราคาถูกปรับให้แพงมากขึ้นเช่นกัน
  2. ค่า CPC (การจ่ายเงินเมื่อมีคนคลิก) ของวัตถุประสงค์แบบข้อความให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าวัตถุประสงค์แบบการมีส่วนร่วม เปรียบเทียบจากการใช้งบในการยิงโฆษณาที่พอๆ กัน จะเห็นว่าผลลัพธ์ของโฆษณาต่างกันถึง 3 เท่า
  3. ตำแหน่งการจัดวางโฆษณาไม่ถูกนำมาโชว์ใน Messenger ถึงแม้จะคลิกเลือกไปแล้วก็ตาม ซึ่งโฆษณาส่วนใหญ่ถูกนำขึ้นหน้าฟีด เลยเป็นผลทำให้การโปรโมทโพส แบบข้อความมีจำนวนคลิกที่น้อยลงด้วย

อีกทั้งรูปแบบของการโปรโมทโพส แบบข้อความที่เปลี่ยนแปลงไป ยกตัวอย่างเช่น หากลูกค้าค้างที่หน้าโฆษณานาน ก็จะมีแถบป็อปอัพเด้งขึ้นมา ทำให้ลูกค้าเผลอไปกดโดนทั้งๆ ที่ไม่ได้สนใจสินค้านั้น กลายเป็นเราต้องเสียค่าโฆษณาให้กับการคลิกที่ลูกค้าไม่ได้สนใจสินค้าของเราจริงๆ อีก

และวิธีการเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบนี้ ก็คือการปรับงบโฆษณาการโปรโมทโพส แบบข้อความลงแล้วเปลี่ยนวิธีการยิงโฆษณา โดยการเลือกยิงโพสจากหน้าเพจ ปักหมุด แล้วเลือกวัตถุประสงค์โฆษณาแบบมีส่วนร่วมแทน จากนั้นก็ทำการแบ่งกลุ่มเป้าหมายทั้ง Interest, lookalike, Custom, การรับรู้แบรนด์, การเข้าถึง ไปที่โฆษณานั้นตัวเดียวเลยนั่นเอง ส่วนวิธีดูว่าโฆษณาที่ทำนี้ได้ผลอย่างไร ให้สังเกตจากราคาโฆษณาที่ใช้จ่ายไปว่าสอดคล้องกับผลลัพธ์ที่ได้มามากน้อยแค่ไหน คุ้มค่าหรือไม่ เป็นต้น

แน่นอนว่า Facebook ต้องมีการปรับเปลี่ยนในเรื่องของประสิทธิภาพโฆษณาอยู่เสมอ สิ่งที่เราทำได้มีแค่การสังเกตและปรับตัว เพื่อหาทางรอดให้ธุรกิจของเราเท่านั้น และหากรู้สึกว่าระยะเวลาในการอนุมัติโฆษณาใช้เวลานานกว่าที่เคยเป็น ให้รู้ไว้เลยว่า Facebook กำลังทำการปรับประสิทธิภาพโฆษณาอยู่ เราจึงต้องหมั่นเช็กผลลัพธ์โฆษณาและนำสถิติมาเปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

วิธีเช็คการโปรโมทเพจของคู่แข่ง