ก่อนที่เราจะพูดถึง Digital Marketing เทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2022 นี้ เราลองมาย้อนดูปีที่ผ่านมากันก่อนดีกว่า ว่าเกิดจุดเปลี่ยนของกระแส Digital Marketing ที่น่าสนใจอะไรเกิดขึ้นบ้าง

เริ่มจาก Sentiment Analysis เครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล อารมณ์ ความรู้สึกจากข้อความ และสามารถแปลงค่าไปเป็น Applications และความรู้เชิงลึก (Insights) เพื่อประกอบการชี้นำตัดสินใจ และต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดนี้มีอิทธิพล และส่งผลต่อการเกิด Digital Marketing ใหม่ๆ ในทุกปีนั่นเอง

นอกจากนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ได้เกิดกระแส Clubhouse ที่ผู้คนต่างก็ให้ความสนใจกันมากมาย จนทำให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่อย่าง Twitter และ Facebook ถึงกับต้องปล่อยฟีเจอร์แบบเดียวกันออกมาเลยทีเดียว หรือการพูดถึง Martech ที่มากขึ้น พร้อมๆ กับกระแส Marketing 5.0 รวมไปถึงเรื่องที่ขาดไม่ได้ล่าสุดเลยก็คือโลก Metaverse นั่นเอง ทีนี้เราลองมาดู Digital Marketing เทรนด์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2022 กัน

การกระจายตัวของเม็ดเงินโฆษณาสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ

ในปี 2022 คาดว่าจะเกิดการกระจายตัวของเม็ดเงินในโฆษณาดิจิตอลมากขึ้น จากการที่แพลตฟอร์มอย่าง Facebook มีค่าโฆษณาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความแม่นยำลดลง แถมยังมีประเด็นปัญหาเรื่อง Data Privacy กับ Apple ที่อาจเป็นประเด็นให้นักการตลาดหลายๆ คนเบนความสนใจไปแพลตฟอร์มอื่นๆ มากขึ้น

เช่น ถ้าต้องการเจาะตลาดคนโสด Tinder Ads ก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ หรือถ้าต้องการเจาะตลาดคนที่ชอบสั่งอาหาร Delivery การใช้ Grab Ads ก็จะตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า และอีกมายมายอย่าง Spotify Ads หรือ Twitch และยังไม่นับการลงโฆษณาใน Tiktok ที่มีราคา CPM (Cost Per 1,000 Impressions) ต้นทุนต่อการแสดงผลหนึ่งพันครั้ง และ CPC (Cost Per Click) จำนวนเงินที่คุณจะได้รับแต่ละครั้งจากผู้ใช้ที่คลิกโฆษณาของคุณ

นอกจากนี้ยังมี Streaming แพลตฟอร์มอื่นที่นอกจาก Netflix และ Youtube ที่เปิดรับโฆษณาอย่าง Viu, Line TV, Bugaboo TV ที่มีจุดเด่นคอนเทนต์แตกต่างกันตามความสนใจของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย

ดังนั้นถ้าปีหน้า Facebook Ads ยังคงราคาสูง และการเข้าถึง Data พฤติกรรมการใช้งานยังทำได้ยากขึ้น เราอาจจะได้เห็นการโยกย้าย Budget ครั้งใหญ่กระจายออกจาก Facebook หรือ Youtube ไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ มากขึ้นแน่นอน

Live

การ Live เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในการทำ Digital Marketing จากปรากฏการณ์การ Facebook live ของ 2 พส. ที่มีคนเข้าดู Live สดมากกว่า 2 แสนคน จนถึงขนาดที่แบรนด์ดังต่างๆ เข้ามาคอมเมนต์กันยกใหญ่

นอกจากนั้น เหล่าเซเลป คนดัง ดาราและศิลปินทั้งหลายต่างก็หันมาเริ่มทำ Vlog หรือ  Channel ของตัวเอง เพื่อผลิตคอนเทนต์ต่างๆ จึงเป็นไปได้ว่าในปี 2022 เหล่าคนดังทั้งหลายจะหันมาเริ่มทำ Live สดกันมากขึ้น

Brand.com ที่พุ่งสูงขึ้น

จากกระแส D2C หรือ Direct to Consumer ที่ทำให้แบรนด์ต่างๆ เกิดการตื่นตัวกันมากขึ้น ตั้งแต่ช่วง COVID-19 รอบแรก ต่อเนื่องมาจนถึงปลายปี 2021 นี้ เราเริ่มเห็นหลากหลายแบรนด์ หันมาเปิดช่องทาง E-Commerce ของตัวเองกันมากขึ้น ไม่ใช่เพียงการสร้างยอดขายจากการขายและส่งตรงถึงลูกค้า แต่ยังหมายถึงการได้เป็นเจ้าของ Data ลูกค้าของตัวเอง เพื่อต่อยอดการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายและสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าต่อไป

Metaverse ยังไม่มาในปี 2022

ในส่วนของ Metaverse ที่เป็นกระแสโด่งดังจนหลายๆ คนให้ความสนใจ มีการคาดการณ์ไว้ว่า ในปี 2022 จะยังไม่ Mass ในระดับเดียวกับที่ Tiktok ทำได้ในปี 2020-2021 แน่ๆ เหตุผลหลักคือแว่นตาที่เป็นอุปกรณ์สำคัญที่จะเข้า Metaverse ยังคงมีราคาแพงจนหลายๆ คนยังไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงทุน นี่จึงเป็นอุปสรรคหลักที่จะทำให้ Metaverse แบบเต็มรูปแบบยังคงไม่เกิดในวงกว้าง

แม้ว่าในปี 2022 จะมี 5G ครอบคลุมมากขึ้นแล้วก็ตาม แต่ตราบใดที่ค่าใช้จ่ายในการเข้าถึง Metaverse ยังไม่ลงมาอยู่ในหลักพันบาท ก็น่าจะเป็นเรื่องยากที่คนไทยส่วนใหญ่จะเข้าถึงและเอ็นจอยกับ Metaverse แบบเต็มตัวได้ในอนาคตอันใกล้นี้

7 ทริค ในใช้บริการ digital marketing

ด้วยความที่ตลาด digital marketing ในปัจจุบันมีอยู่เป็นจำนวนมาก การจะเลือกใช้บริการ digital marketing เพื่อให้ตรงกับความต้องการและเป้าหมายที่มีจึงถือเป็นตัวชี้วัดยอดขายและผลลัพธ์ทางการตลาดที่สำคัญของทุกธุรกิจ แต่การเลือกบริษัทสำหรับให้บริการ digital marketing ก็ไม่ได้มีหลักในการเลือกที่ตายตัว สิ่งแรกที่ต้องเริ่มทำความเข้าใจก็คือเป้าหมายที่ธุรกิจต้องการ เมื่อตอบคำถามนี้กับตัวเองได้แล้วก็ค่อยๆ คัดเลือกผู้ให้บริการ digital marketing ที่สามารถตอบโจทย์เป้าหมายที่คุณต้องการได้มากที่สุดจาก 7 ทริคด้านล่าง ดังนี้

  • เลือกดูจากผลงานที่ผ่านมา: ผลงานและลูกค้าเก่าที่เคยใช้บริการ digital marketing จากบริษัทนั้นๆ จะสามารถบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือ ลายเส้นผลงาน และความถนัดของเนื้องาน ผ่านคอนเทนต์หรือโฆษณาที่บริษัทนั้นทำได้อย่างชัดเจน
  • ประสบการณ์ของพนักงานในบริษัท: ในหลายๆ บริษัทจะมีการใส่ข้อมูลและประสบการณ์ของพนักงานลงในเว็บไซต์ และนอกจากนี้ยังสามารถดูผ่านบัญชีบริษัททาง Linkedin ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหางาน-จ้างงานออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยมได้อีกด้วย
  • ความเป็นที่รู้จัก: ในที่นี้ก็คือชื่อเสียง และความเป็นที่รู้จักในวงการ digital marketing โดยการเข้าไปดูรีวิวหรือการรับรองต่างๆ ในเว็บไซต์ของบริษัทที่ให้บริการ digital marketing นั้นๆ นอกจากนี้ยังสามารถดูผ่านทาง Search Engine ต่างๆ ได้ด้วยเช่นกัน ว่าบริษัทเหล่านั้นถูกพูดถึงอย่างไรบ้าง
  • วัฒนธรรมการทำงาน: การได้ร่วมงานกับบริษัทที่มีคนทัศนคติตรงกับเรา จะช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างราบรื่น เพราะมักจะทำให้เรามองเห็นเรื่องต่างๆ ไปในทางเดียวกัน อีกทั้งยังเข้าใจความต้องการ และยังช่วยเสริมสิ่งที่ขาดให้กับเราได้อีกด้วย ซึ่งตรงส่วนนี้ก็สามารถดูได้ผ่านการนำเสนอบนเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ digital marketing ได้เลย
  • เช็คจากรายละเอียดการออกแบบเว็บไซต์: การจะทำงานของลูกค้าให้ออกมาดีได้ ต้องเริ่มจากการวางข้อมูลพื้นฐานและรายละเอียดในการออกแบบเว็บไซต์ของตัวผู้ให้บริการ digital marketing ก่อน เพราะตรงส่วนนี้จะบ่งบอกถึงความใส่ใจและความเป็นมืออาชีพของบริษัทนั้นๆ ได้ดีทีเดียว
  • ความง่ายในการติดต่อหรือเข้าถึง: ผู้ให้บริการ digital marketing ที่ดีควรจะทำให้การติดต่อและการเข้าถึงบริษัทเป็นไปได้ง่ายๆ ภายในไม่กี่คลิก หรืออาจมีการจัดวางปุ่ม Call to Action ไว้อย่างชัดเจนก็ได้เช่นกัน
  • พิจารณาจากโฆษณาว่าเกินจริงหรือไม่: ในข้อนี้คุณอาจจะต้องมีความรู้ทางด้านการตลาดออนไลน์อยู่ด้วยในระดับหนึ่ง เพราะต้องใช้ดูการวัดผลลัพธ์ว่าตัวเลขต่างๆ ที่มีการกล่าวมานั้นสูงเกินไปหรือไม่ เป็นไปได้จริงหรือเปล่า

ดังนั้นการเตรียมความรู้ในเรื่องการตลาดออนไลน์จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรศึกษาเพิ่มเติมไว้บ้าง เพื่อที่จะได้รู้ทันและตรวจเช็คการทำโฆษณาในเบื้องต้นจากการให้บริการ digital marketing ได้