การทำโฆษณา Facebook กับ Google ต่างกันอย่างไร? ทั้ง 2 ช่องทางมีจุดประสงค์ในการทำโฆษณาแบบไหน มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง เราลองมาดูความต่างของการทำโฆษณาทั้ง 2 ช่องทางนี้เพื่อทำความเข้าใจ และเก็บไว้เป็นโจทย์ในการทำโฆษณาครั้งต่อๆ ไปกันค่ะ

รูปแบบการทำโฆษณา Facebook

เป็น Push Marketing หรือการตลาดแบบหว่าน แบรนด์ต่างๆ จะทำเงินได้โดย Demand Generation (ผู้ใช้งานอาจจะยังไม่ได้มีความต้องการในสินค้านั้นๆ จึงอาศัยการสร้างความต้องการ)

รูปแบบการแสดงผลของการทำโฆษณา Facebook มีทั้งแบบรูปภาพ, วิดีโอ, Carousel และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถเลือกเป้าหมายในการทำโฆษณาได้ ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มการรับรู้แบรนด์ (Awareness) การช่วยในการตัดสินใจ (Consideration) และยอดขายหรือการกระทำต่างๆ ของลูกค้า (Conversion)

เป็นช่องทางโฆษณาที่สามารถนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าไม่เคยรู้จักให้เกิดเป็นความสนใจ และตัดสินใจซื้อได้ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้เข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์ จนเกิดเป็นการพูดคุย รีวิว ถามตอบ กลายเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

รูปแบบการทำโฆษณา Google

เป็น Pull Marketing หรือการตลาดแบบตั้งรับ แบรนด์ต่างๆ จะทำเงินได้โดย Demand Fulfilment (การตอบสนองความต้องการจากผู้ที่เข้ามาค้นหาข้อมูลบน Google)

ซึ่งมีทั้งการโฆษณารูปแบบ SEM หรือ Search Engine Marketing เป็นการโฆษณาที่แสดงผลตามคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้งานกำลังสนใจ และเลือกค้นหาบน Google และมีอีกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจคือ GDN หรือ Google Display Network ที่มีหน้าตาคล้ายป้ายแบนเนอร์หรือกล่องโฆษณา ที่จะปรากฎขึ้นมาระหว่างที่เราเข้าไปชมเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งสามารถกำหนดเป้าหมายได้ว่าจะให้ใครเห็นโฆษณานี้ได้บ้าง เช่น คีย์เวิร์ดที่ใช้ค้นหา, หัวข้อ หรือคนที่เคยเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา เป็นต้น

การทำโฆษณา Google จึงทำในเรื่องของการปิดการขายได้ดี เพราะผู้ใช้งานส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อจากข้อมูลที่ค้นหา และถ้าหากใครให้ข้อมูลตามที่ลูกค้าต้องการได้ ก็จะเกิดการตัดสินใจซื้อได้ทันที

สังเกตได้ว่า ทั้ง 2 ช่องทางล้วนมีจุดเด่นที่ต่างกัน ดังนั้น เกณฑ์ในการเลือกใช้งานระหว่างการทำโฆษณา Facebook กับ Google จึงควรอิงตามรูปแบบของธุรกิจ และจุดประสงค์ของการทำการตลาด

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเป็นธุรกิจ B2C และต้องการเพิ่มการรับรู้หรือการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ช่องทางที่เหมาะสมจะเป็นการทำโฆษณา Facebook แต่ถ้าคุณเป็นธุรกิจ B2B และมีจุดประสงค์ในการขายสินค้าโดยตรง ช่องทางที่เหมาะสมจะเป็นการทำโฆษณาผ่านทาง Google นั่นเอง

แต่ถ้าหากจุดประสงค์ของคุณคือการเพิ่มยอดขาย หรือเก็บข้อมูลที่ต้องการ ก็สามารถเลือกทำทั้งโฆษณา Facebook และ Google ได้เลย

ทริคการสร้างวิดีโอโฆษณา Facebook